นอกจากวัสดุที่ใช้ทำประตูแล้ว รูปแบบของประตู ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา เพราะส่งผลต่อความสะดวกในการใช้งาน การประหยัดพื้นที่ และความสวยงามของบ้านหรืออาคาร เราสามารถแบ่งรูปแบบประตูออกเป็นประเภทหลักๆ ได้ดังนี้
1. ประตูบานเปิด (Hinged Door)
ลักษณะ
- เป็นรูปแบบประตูที่พบได้ทั่วไปที่สุด
- บานประตูยึดติดกับกรอบด้วยบานพับ และสามารถเปิด-ปิดได้จากด้านใดด้านหนึ่ง
- บ้านทั่วไป
- ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือพื้นที่ที่มีพื้นที่ว่างเพียงพอ
- แข็งแรงและทนทาน
- ติดตั้งง่ายและซ่อมแซมได้ไม่ยุ่งยาก
- ต้องการพื้นที่รอบๆ ประตูสำหรับการเปิด-ปิด
ลักษณะ
- ประตูเลื่อนอยู่บนราง โดยเลื่อนไปด้านข้างแทนการเปิดออก
- มีทั้งแบบเลื่อนเดี่ยวและเลื่อนสองข้าง (Double Sliding Door)
- พื้นที่จำกัด เช่น คอนโด ห้องน้ำ หรือระเบียง
- การใช้งานที่ต้องการความทันสมัย
- ประหยัดพื้นที่
- ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง
- ต้องดูแลรักษารางเลื่อนให้สะอาดเพื่อการใช้งานที่ราบรื่น
- อาจมีเสียงดังหากอุปกรณ์ไม่ได้คุณภาพ
3. ประตูบานเฟี้ยม (Folding Door)
ลักษณะ
- ประตูแบ่งเป็นหลายบานพับต่อกัน เมื่อเปิดจะพับซ้อนเก็บไปด้านข้าง
- นิยมใช้วัสดุหลากหลาย เช่น ไม้ กระจก หรืออะลูมิเนียม
เหมาะสำหรับ
- พื้นที่กว้างที่ต้องการเปิดโล่ง เช่น ห้องโถงใหญ่ หรือประตูออกสู่สวน
ข้อดี
- เปิดพื้นที่ได้กว้างมาก
- มีความหรูหราและยืดหยุ่นในการใช้งาน
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าประตูรูปแบบทั่วไป
- ต้องการพื้นที่ด้านข้างสำหรับการพับเก็บ
ลักษณะ
- ใช้แกนหมุนที่ติดตั้งตรงกลางหรือด้านข้างของบานประตู
- บานประตูหมุนเปิดปิดได้ในลักษณะเป็นวงกลม
เหมาะสำหรับ
- บ้านหรืออาคารที่ต้องการดีไซน์โดดเด่นและทันสมัย
- สถานที่ที่ต้องการสร้างความประทับใจ เช่น ร้านค้า โรงแรม หรือโชว์รูม
ข้อดี
- ทันสมัยและแปลกใหม่
- เปิดได้กว้างกว่าแบบบานพับทั่วไป
ข้อเสีย
- การติดตั้งซับซ้อนและราคาสูง
- ต้องการพื้นที่สำหรับการหมุน
ลักษณะ
- ใช้กระจกนิรภัยที่ไม่มีกรอบ โดยใช้บานพับพิเศษสำหรับติดตั้ง
เหมาะสำหรับ
- ร้านค้า โชว์รูม หรือสำนักงานที่ต้องการความเรียบหรู
- ห้องน้ำ หรือห้องที่ต้องการความโปร่งใส
ข้อดี
- สวยงามทันสมัย
- ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับพื้นที่
ข้อเสีย
- อาจไม่ปลอดภัยหากกระจกแตก
- ต้องการการทำความสะอาดเป็นประจำ
ลักษณะ
- ประตูที่มีแกนหมุนตรงกลางและแบ่งออกเป็นช่องเล็กๆ สำหรับการเดินเข้า-ออก
เหมาะสำหรับ
- อาคารพาณิชย์ โรงแรม หรือห้างสรรพสินค้า
ข้อดี
- ควบคุมการไหลเวียนของคนได้ดี
- ช่วยลดการสูญเสียพลังงานจากการเปิด-ปิดประตู
- ราคาสูงและซับซ้อนในการติดตั้ง
- ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน
7. ประตูบานเปิดแบบสองทาง (Swing Door)
ลักษณะ
- ประตูที่สามารถเปิดได้ทั้งสองทาง (เข้าและออก) โดยใช้บานพับแบบพิเศษ
เหมาะสำหรับ
- ร้านอาหารหรือห้องครัวที่ต้องการการใช้งานสะดวกรวดเร็ว
ข้อดี
- ใช้งานสะดวก ไม่ต้องระวังทิศทาง
- เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความต่อเนื่อง
ข้อเสีย
- ต้องการพื้นที่สำหรับเปิดทั้งสองทาง
- อาจเสี่ยงต่อการชนหากใช้งานในพื้นที่คนพลุกพล่าน
การเลือกประตูที่เหมาะสม
พื้นที่ใช้งาน : พิจารณาขนาดพื้นที่ที่มี เช่น ถ้าพื้นที่แคบควรเลือกประตูบานเลื่อน
ฟังก์ชัน : เช่น ต้องการความปลอดภัย ความสวยงาม หรือการเปิดโล่ง
งบประมาณ : รูปแบบที่ซับซ้อนอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
สไตล์บ้าน : เลือกประตูที่เข้ากับดีไซน์โดยรวม
การเข้าใจรูปแบบของประตูจะช่วยให้คุณเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่า พร้อมเพิ่มเสน่ห์ให้บ้านหรืออาคารของคุณได้ในทุกมิติ!
หากท่านใดสนใจติดตั้งประตูหน้าต่างที่มีคุณภาพและบริการที่ดี สามารถติดต่อได้ที่ K Space Solution หรือแวะชมสินค้าจริงได้ที่โชว์รูม พุทธมณฑลสาย 4